‘อียู’ ใช้ไม้แข็ง! มีแผนเรียกเก็บภาษีสินค้านำเข้าจากสหรัฐเพิ่มอีก 1 แสนล้านยูโร หากการเจรจาล้มเหลว และไม่น่าพอใจ เตรียมประชุมสรุปรายการสินค้าในอีก 1 เดือน
สำนักข่าวบลูมเบิร์ก รายงานว่า “สหภาพยุโรป” กำลังวางแผนที่จะเก็บภาษีสินค้านำเข้าจากสหรัฐอเมริกาเพิ่มเติม คิดเป็นมูลค่าประมาณ 1 แสนล้านยูโร หรือราว 4 ล้านล้านบาท หากการเจรจาทางการค้าระหว่างทั้งสองฝ่ายไม่สามารถหาข้อตกลงที่น่าพอใจสำหรับสหภาพยุโรปได้
แหล่งข่าวที่ใกล้ชิดเปิดเผยว่า มาตรการตอบโต้ทางการค้าจะถูกนำเสนอต่อประเทศสมาชิกของสหภาพยุโรปในเร็วๆ นี้ ซึ่งคาดว่าเป็นวันพุธนี้ และจะมีการหารือกันเป็นเวลาหนึ่งเดือนก่อนที่จะมีการสรุปรายการสินค้าที่จะถูกเก็บภาษี
ด้านคณะกรรมาธิการยุโรปเตรียมที่จะส่งเอกสารให้สหรัฐภายในสัปดาห์นี้ เพื่อพยายามเริ่มการเจรจา โดยข้อเสนอของอียูคาดว่าจะเน้นไปที่การลดข้อจำกัดทางการค้าต่างๆ ทั้งที่เป็นภาษี และที่ไม่ใช่ภาษี รวมถึงการส่งเสริมให้มีการลงทุนในสหรัฐมากขึ้น
ถึงแม้การเจรจาระหว่างอียู และสหรัฐจะเริ่มต้นอย่างจริงจังเมื่อเดือนที่แล้ว แต่กลับมีความคืบหน้าน้อยมาก และคาดว่าภาษีนำเข้าที่สหรัฐเก็บอยู่ในปัจจุบันส่วนใหญ่ก็จะยังคงมีผลบังคับใช้อยู่ต่อไป
สหภาพยุโรปกล่าวเมื่อวันอังคารว่า การสอบสวนทางการค้าที่ยังคงดำเนินอยู่ของรัฐบาลทรัมป์ จะทำให้มูลค่าสินค้าจากอียูที่จะถูกเก็บภาษีเพิ่มขึ้นถึง 549,000 ล้านยูโรเลยทีเดียว ทั้งนี้โฆษกของคณะกรรมาธิการยุโรปปฏิเสธที่จะให้ความเห็นใดๆ เกี่ยวกับเรื่องนี้
มาตรการใหม่ของอียูเป็นมาตรการใหม่ที่เพิ่มขึ้นจากเดิมที่มีการเรียกเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากสหรัฐมูลค่า 21,000 ล้านยูโรที่ตั้งไว้เพื่อตอบโต้ภาษีเหล็ก และอะลูมิเนียม แต่ตอนนี้อียูได้ชะลอการใช้มาตรการเดิมไปก่อน 90 วัน เพราะสหรัฐลดภาษีตอบโต้สินค้าอียูส่วนใหญ่ลงจาก 20% เหลือ 10% ในระหว่างที่เจรจากันอยู่
ก่อนหน้านี้ คณะกรรมาธิการยุโรปเผยว่ามาตรการที่จะออกมาในอนาคตอาจจะไม่ได้จำกัดอยู่แค่สินค้า แต่อาจรวมถึงบริการต่างๆ และอาจมีการจำกัดการส่งออกสินค้าบางอย่างด้วย และสหภาพยุโรปยังเสนอที่จะซื้อสินค้าจากสหรัฐเพิ่มขึ้น เช่น ก๊าซธรรมชาติเหลว หรือถั่วเหลือง ซึ่งเป็นแนวทางหนึ่งที่เคยช่วยลดความตึงเครียดระหว่างสองพันธมิตรเก่าแก่ในช่วงที่ทรัมป์ดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีในสมัยแรก